เมนู

3. มหาโคปาลสูตร


[383] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จประทับอยู่ในเชตวนารามของ
อนาถบิณฑิกคฤหบดี กรุงสาวัตถี. ครั้งนั้น พระองค์ได้ตรัสเรียกภิกษุทั้ง
หลายว่า ภิกษุทั้งหลาย. ภิกษุเหล่านั้นได้ทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ.

องค์เป็นเหตุไม่เจริญ 11 ประการ


[384] พระองค์ตรัสธรรมปริยายนี้ว่า ภิกษุทั้งหลาย นายโคบาลประ
กอบด้วยองค์ 1 ประการแล้ว ไม่ควรจะรักษาหมู่โคและทำหมู่โคให้เจริญ
ได้. องค์ 11 ประการนั้นเป็นไฉน. นายโคบาลในโลกนี้ 1. เป็นผู้ไม่รู้
จักรูป 2. เป็นไม่ฉลาดในลักษณะ 3. เป็นผู้ไม่เขี่ยไข่ขางออกเสีย 4. เป็นผู้
ไม่ปิดแผล 5. เป็นผู้ไม่สุมควัน 6. ไม่รู้จักท่า 7. ไม่รู้จักให้ดื่ม 8. ไม่รู้จัก
ทาง 9. เป็นผู้ไม่ฉลาดในตำบลที่โคเที่ยวหากิน 10. เป็นผู้รีดน้ำนมเสียหมด
ไม่มีส่วนเหลือไว้ 11. เป็นผู้ไม่ปรนปรือเหล่าโคอุสุภ (คือดีกว่าโคทั้งปวง)
อันเป็นพ่อฝูงเป็นผู้นำฝูงด้วยการปรนปรือเป็นพิเศษ. นายโคบาลประกอบ
ด้วยองค์ 11 ประการเหล่านี้แล้ว ไม่ควรจะรักษาหมู่โคให้เจริญได้.
ภิกษุก็เหมือนกัน ประกอบด้วยองค์ 11 ประการแล้ว ไม่ควรจะถึง
ความเจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรมวินัยนี้. องค์ 11 ประการเป็น
ไฉน. ภิกษุในศาสนานี้ 1. เป็นผู้ไม่รู้จักรูป 2. เป็นผู้ไม่ฉลาดในลักษณะ
3. เป็นผู้ไม่เขี่ยไข่ขางออกเสีย 4. เป็นผู้ไม่ปิดแผล 5. เป็นผู้ไม่สุมควัน

6. ไม่รู้จักท่า 7. ไม่รู้จักให้ดื่ม 8. ไม่รู้จักทาง 9. เป็นผู้ไม่ฉลาดในโคจร
10. เป็นผู้รีดเสียหมดไม่มีส่วนเหลือไว้ 11. เป็นผู้ไม่บูชาภิกษุทั้งหลายผู้เป็น
พระเถระเป็นรัตตัญญูมีพรรษาผนวชนานแล้ว เป็นบิดาภิกษุสงฆ์ เป็นผู้นำ
ภิกษุสงฆ์ด้วย ด้วยบูชาอันล้นเหลือ.
[385] 1.ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้ไม่รู้จักรูปเป็นอย่างไร. ภิกษุใน
ศาสนานี้ไม่รู้จักชัดตามเป็นจริงว่า รูปชนิดใดชนิดหนึ่ง รูปทั้งปวง ก็คือมหา-
ภูตรูปทั้งสี่ และอุปาทายรูป คือรูปอาศัยมหาภูตรูปทั้งสี่ ภิกษุเป็นผู้ไม่
จักรูปอย่างนี้.
2. ภิกษุเป็นผู้ไม่ฉลาดในลักษณะเป็นอย่างไร ภิกษุใน
ศาสนานี้ไม่รู้จักชัดตามเป็นจริงว่าคนพาลมีกรรมเป็นเครื่องหมาย. ภิกษุ
เป็นผู้ไม่ฉลาดในลักษณะอย่างนี้แล.
3. ภิกษุเป็นผู้เขี่ยไข่ขางออกเสียเป็นอย่างไร. ภิกษุใน
ศาสนานี้ให้กามวิตก คือความตรึกประกอบด้วยความอยากได้ พยาบาท
วิตก คือความตรึกประกอบด้วยความปองร้าย วิหึสาวิตก คือความตรึกประ
กอบด้วยความเบียดเบียน และอกุศลธรรมที่เป็นบาป ซึ่งเกิดขึ้นแล้วๆ ให้อยู่
ทับถม ไม่ละเสีย ไม่บรรเทาเสีย ทำให้เกิดเนืองๆ ภิกษุไม่เขี่ยไข่ขางออกเสีย
อย่างนี้.
4. ภิกษุเป็นผู้ไม่ปิดแผลเป็นอย่างไร. ภิกษุในศาสนานี้เห็น
รูปด้วยตา ฟังเสียงด้วยหู ดมกลิ่นด้วยจมูก ลิ้มรสด้วยลิ้น ถูกต้องสิ่งที่จะพึง
ถูกต้องด้วยกาย รู้แจ้งธรรมารมณ์ด้วยใจแล้ว ถือไว้โดยนิมิต คือความ
หมาย ถือไว้โดยอนุพยัญชนะ คือความจำแนกออก ธรรมทั้งหลายที่เป็น
บาปอกุศล มีอภิชฌาและโทมนัสเป็นต้นเค้า ย่อมไม่อาจไหลไปตามบุคคลผู้
อยู่ไม่สำรวมอินทรีย์ มีอินทรีย์ที่ไม่สำรวมแล้วใดเป็นเหตุ เธอไม่ปฏิบัติเพื่อ

จะสำรวมอินทรีย์นั้น ไม่รักษาอินทรีย์นั้น ไม่ถึงความสำรวมในอินทรีย์
นั้น ภิกษุเป็นผู้ไม่ปิดแผลอย่างนี้.
5. ภิกษุเป็นผู้ไม่สุมควันเป็นอย่างไร. ภิกษุในศาสนานี้ไม่
แสดงธรรมตามที่ตนได้ฟังได้เรียนแก่ผู้อื่นโดยพิสดาร. ภิกษุเป็นผู้ไม่สุมควัน
อย่างนี้.
6. ภิกษุไม่รู้จักท่าเป็นอย่างไร. ภิกษุในศาสนานี้ ไม่ไปหา
แล้วและไต่ถามไล่เลียงภิกษุทั้งหลายผู้มีพุทธวจนะฟังแล้วมาก เป็นผู้รู้
หลัก ทรงธรรมทรงวินัย ทรงมาติกาว่า ภาษิตนี้เป็นอย่างไรโดยระยะ
กาล. เธอผู้มีอายุทั้งหลายจึงไม่เปิดเผยข้อความที่ยังลี้ลับ ไม่ทำข้อความอัน
ลึกซึ้งให้ตื้น และไม่บรรเทาความสงสัยในเหล่าธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความ
สงสัย ซึ่งยังมีเป็นอันมากแก่เธอ. ภิกษุไม่รู้จักท่าอย่างนี้.
7. ภิกษุไม่รู้จักดื่มเป็นอย่างไร. ภิกษุในศาสนานี้ เมื่อธรรม
วินัยที่พระตถาคตประกาศให้รู้แจ้งแล้ว อันผู้ใดผู้หนึ่งแสดงอยู่ ย่อมไม่
ได้ความรู้ธรรมรู้อรรถและความปราโมทย์อันประกอบด้วยธรรม. ภิกษุไม่
รู้จักดื่มอย่างนี้.
8. ภิกษุไม่รู้จักทางเป็นอย่างไร. ภิกษุในศาสนานี้ ไม่รู้ชัด
อัฏฐังคิกมรรคคือทางประกอบด้วยองค์ 8 เป็นทางอันประเสริฐตามเป็น
จริง ภิกษุไม่รู้จักทางอย่างนี้.
9. ภิกษุผู้ไม่ฉลาดในโคจรเป็นอย่างไร. ภิกษุในศาสนานี้ไม่รู้
ชัดในสติปัฏฐาน คือสติเป็นที่ตั้งอย่างใหญ่ทั้งสี่ ตามเป็นจริงภิกษุเป็นผู้
ไม่ฉลาดในโคจรอย่างนี้.
10. ภิกษุเป็นผู้รีดเสียหมดไม่มีส่วนเหลือไว้เป็นอย่างไร.
คฤหบดีทั้งหลายมีศรัทธา มาปวารณาคือเชิญภิกษุในศาสนาให้เลือกรับ

ด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชชบริขาร. ในการ
ที่เขาปวารณาเช่นนั้น เธอไม่รู้จักประมาณเพื่อจะรับปัจจัยสี่มีจีวร
เป็นต้น. ภิกษุเป็นผู้รีดเสียหมดไม่มีส่วนเหลือไว้อย่างนี้.
11. ภิกษุเป็นผู้ไม่บูชาภิกษุทั้งหลายผู้เป็นเถระรัตตัญญู
มีพรรษาบวชนานแล้วเป็นบิดาภิกษุสงฆ์ เป็นผู้นำภิกษุสงฆ์ด้วยการบูชา
อันล้นเหลือเป็นอย่างไร. ภิกษุในศาสนานี้ไม่เข้าไปตั้งไว้ซึ่งกายกรรม
วจีกรรม และมโนกรรม อันประกอบด้วยเมตตา ในภิกษุทั้งหลายผู้เป็นเถระ
รัตตัญญู มีพรรษาบวชนานแล้ว เป็นบิดาภิกษุสงฆ์ เป็นผู้นำภิกษุสงฆ์
ทั้งในที่แจ้งทั้งในที่ลับ ภิกษุเป็นผู้ไม่บูชาภิกษุทั้งหลายผู้เป็นเถระรัตตัญญูมี
พรรษาผนวชนานแล้ว เป็นบิดาภิกษุสงฆ์ เป็นผู้นำภิกษุสงฆ์ด้วยการบูชา
อันล้นเหลือ อย่างนี้.
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุประกอบด้วยองค์ 11 ประการเหล่านี้แล
ไม่ควรจะถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรมวินัยนี้.

องค์เป็นเหตุให้เจริญ 11 ประการ


[386] (พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงธรรมทั้งหลายที่เป็นโทษอย่าง
นี้แล้ว จึงทรงแสดงธรรมทั้งหลายที่เป็นคุณต่อไปว่า)
ภิกษุทั้งหลาย นายโคบาลประกอบด้วยองค์ 10 ประการแล้ว ควร
จะรักษาหมู่โคและทำให้หมู่โคเจริญได้. องค์ 11 ประการเป็นไฉน. นายโค
บาลในโลกนี้ 1. เป็นผู้รู้จักรูป 2.เป็นผู้ฉลาดในลักษณะ 3.เป็นผู้เขี่ยไข่ขางออก
เสีย 4.เป็นผู้ปิดแผล 5.เป็นผู้สุมควัน 6.รู้จักท่า 7.รู้จักให้ดื่ม 8.รู้จักทาง
9. เป็นผู้ฉลาดในตำบลที่โคเที่ยวหากิน 10. เป็นผู้รีดน้ำนมมีส่วนเหลือไว้
11. เป็นพ่อฝูง ด้วยบูชาอันล้นเหลือ. นายโคบาล